วันพฤหัสบดีที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2556

แบบฝึกหัด




1.ระบบย่อยของระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ  (MIS  Subsystem)  สามารถแบ่งระบบย่อยของระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการได้ตามหน้าที่ในองค์การเป็น  4  ระบบดังต่อไปนี้ 
จงอธิบายแต่ละระบบมาพอเข้าใจพร้อมยกตัวอย่างประกอบ
            1.1 ระบบปฏิบัติการทางธุรกิจ  (Transaction  Processing  System)
                        ตอบ  ระบบปฏิบัติการทางธุรกิจ  (Transaction  Processing  System)  หรือที่เรียกว่า  TPS  หมายถึงระบบสารสนเทศที่ถูกออกแบบและพัฒนาขึ้น  เพื่อให้ทำงานเกี่ยวข้องกับการดำเนินงานภายในองค์การโดยใช้เครื่องมือทางอิเล็กทรอนิกส์  โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์ เข้ามาเป็นอุปกรณ์หลัก  โดยที่  TPS  จะช่วยสนับสนุนให้การดำเนินงานในแต่ละวันขององค์การเป็นไปอย่างเรียบร้อยและเป็นระบบ TPS  มีหน้าที่หลักอยู่  3  ประการดังนี้
                        1. การทำบัญชี  (Bookeeping)  ทำหน้าที่ในการเก็บบันทึกการปฏิบัติงานหรือเหตุการณ์ทางการบัญชีที่เกิดขึ้นในแต่ละวันขององค์การ  การปฏิบัติงานมักเกี่ยวข้องกับบุคคล  2  กลุ่มคือ  ลูกค้า  และ  ผู้ขายวัตถุดิบโดยที่องค์การต้องมีการลงบันทึกรายการสินค้าในแต่ละวัน  และบันทึกรายการซื้อสินค้ามาเข้าร้าน
                        2. การออกเอกสาร  (Document  Issuance)  ทำหน้าที่เกี่ยวกับการออกเอกสารต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานในแต่ละวัน  เช่น  การออกใบรับส่งสินค้า  การออกเช็ค  ใบเสร็จรับเงิน  เป็นต้น
                        3. การทำรายงานควบคุม  (Control  Reporting)  ทำหน้าที่เกี่ยวกับการออกเอกสารต่างๆ  ที่มีผลมาจากการดำเนินงานขององค์การ  เพื่อตรวจสอบและควบคุมการดำเนินงานขององค์การ  เช่น  การออกเช็คเงินเดือนของพนักงานแต่ละคน เป็นต้น
                        ตัวอย่างเช่นบริษัท Avon นำเทคนิคการป้อนข้อมูลแบบสแกนบาร์โค้ดสินค้าเพื่อลดความผิดพลาดของการคีย์ข้อมูลใบสั่งสินค้า ซึ่งทำให้มีความแม่นยำมากขึ้น 76% ผลผลิตเพิ่มขึ้น 75% เวลาของการสั่งซื้อสินค้าลดลง 67% ลดต้นทุนลง 65%



            1.2 ระบบจัดทำรายงานสำหรับการจัดการ  (Management  Reporting  System)
                        ตอบ  ระบบจัดทำรายงานสำหรับการจัดการ  (Management  Reporting  System) หรือเรียกว่า  MRS  หมายถึงระบบสารสนเทศที่ถูกออกแบบและพัฒนาขึ้น  เพื่อรวบรวม  ประมวลผล  จัดระบบ  และจัดทำรายงานหรือเอกสาร  สำหรับช่วยในการตัดสินใจที่เกี่ยวข้องกับการบริหาร      
  ตัวอย่างเช่น  การกระทำพื้นฐานที่เกิดขึ้นระหว่างการดำเนินการทางธุรกิจ เช่น การขายสินค้า การจองตั๋วเครื่องบิน การซื้อสินค้าผ่านเครดิตการ์ดและการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าคงคลัง เป็นต้น


1.3 ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ  (Decision  Supporting  System)
      ตอบ-ใช้สำหรับประกอบการตัดสินใจที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ที่มีลักษณะเป็นแบบไม่มีโครงสร้าง(unstructured situations) โดยจะมีการนำวิจารณญาณของมนุษย์กับข้อมูลจากคอมพิวเตอร์มาใช้ประกอบในการตัดสินใจ
            -ระบบ DSS ช่วยในการตอบสนองความต้องการที่ไม่ได้คาดการณ์มาก่อน
            -ช่วยในการตัดสินในที่ต้องความรวดเร็วสูง
    ตัวอย่าง การส่งสินค้า เพื่อส่งสินค้ากว่า 300 ชนิด เช่น นม เบียร์ และอื่น ๆ ระบบดังกล่าวช่วยคำนวณความสมดุลระหว่างค่านำส่ง ค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อ กับความถี่ในการนำส่งปริมาณต่ำสุดในการสั่งสินค้า รวมถึงการกำหนดจำนวนสินค้าแต่ละชนิดที่จะผลิตและการนำสินค้านั้นไปเก็บไว้ในคลังสินค้าต่าง ๆ ซึ่งเป็นส่วนช่วยในการตัดสินของบริษัทซาน ไมเกล โดยใช้เกณฑ์ระบบการสนับสนุนการตัดสินใจ ช่วยในการตัดสินใจในการบริหารงานของบริษัทซาน ไมเกล ได้มากขึ้นและยังช่วยในการลดค่าใช้จ่ายของบริษัทซาน ไมเกล ในการจ้างพนักงานมาบริหารงานของบริษัท

1.4 ระบบสารสนเทศสำนักงาน  (Office  Information  System)
ตอบ เป็นระบบการจัดการสารสนเทศในสำนักงานโดยใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ ในสำนักงาน เช่น อุปกรณ์ทางด้านคอมพิวเตอร์ ระบบอินเทอร์เน็ต (Internet) การส่งไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) ซึ่งประกอบด้วยอุปกรณ์ โมเด็ม (Modem) โทรศัพท์ เครื่องโทรสาร เครื่องถ่ายเอกสาร เป็นต้น เพื่อใช้เกี่ยวกับงานประมวลผลคำ งานพิมพ์ตั้งโต๊ะ งานส่งข่าวสารข้อมูลและอื่น ๆ เป็นระบบเกี่ยวกับการผลิตเอกสาร การติดต่อประสานงานโดยเกี่ยวข้องกับระบบ TPS และ MIS เพื่อนำข้อมูลมาใช้ประโยชน์ในงาน บริหารในสำนักงานเพื่อเป็นประโยชน์ในการทำงาน





2.  จงเปรียบเทียบระบบ  TPSกับระบบ  MIS  และ  DSS


ลักษณะของระบบ
ระบบประมวลผลธุรกรรม(TPS)
ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ  (MIS)
ระบบสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจ
(DSS)
1. วัตถุประสงค์หลัก
 ควบคุมการปฎิบัติงาน
 สนับสนุนการการบริหาร
 จัดทำและประมวลสารสนเทศ
2. จุดเด่นของระบบ
 รวบรวมและแสดงกิจกรรม
 รวบรวมประมวลผลจากระบบและจัดทำรายงาน
 จัดเตรียมสารสนเทศสำหรับผู้บริหาร
3. ผู้ใช้ระบบ
นักปฎิบัติการ
องค์กร
บุคคล กลุ่มคน และองค์กร
4. ชนิดของปัญหา
 มีโครงสร้าง
 กึ่งมีโครงสร้าง
 ไม่มีโครงสร้าง
5. แหล่งข้อมูล
 เรียกสารสนเทศมาอ้างอิง
 ดึงข้อมูลจากฐานข้อมูล
 ใช้โมเดลในการวิเคราะห์
6. ความคล่องตัวของระบบ
 สนับสนุนการดำเนินงานในแต่ละส่วนให้เป็นไปอย่างเรียบร้อย
 ระบบจะพิมพ์รายงานออกมา ตามระยะเวลาที่กำหนดจะไม่ได้ตามที่ต้องการทันที่
 onlineและrealtime



3.  ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว   และมีบทบาทสำคัญในด้านต่างๆอย่างกว้างขวาง  ทั้งทางด้านการศึกษา  เศรษฐกิจ  อุตสาหกรรม  สาธารณสุข  สิ่งแวดล้อม  และการบริการสังคม  โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการศึกษาซึ่งถือเป็นรากฐานสำคัญที่จะทำให้เกิดการพัฒนาประเทศเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นในปัจจุบัน  จงอธิบายผลกระทบทางบวกและทางลบของการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ  พร้อมยกตัวอย่างประกอบ
            ตอบผลกระทบทางบวกคือ
            1.  เพิ่มความสะดวกสบายในการสื่อสาร  การบริหาร  และการผลิต  ทำให้ชีวิตคนในสังคมได้รับความสะดวกสบาย  เช่น  การติดต่อผ่านธนาคารด้วยระบบธนาคารที่บ้าน  (Home  Banking)  การทำงานที่บ้าน  เป็นต้น
            2.  เกิดสังคมแห่งการสื่อสารและสังคมโลก  เนื่องจากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศสามารถเอาชนะเรื่องระยะทาง  เวลา  และสถานที่ได้ด้วยความเร็วในการติดต่อสื่อสารที่เป็นเครือข่ายความเร็วสูง  ทำให้มนุษย์ในสังคมสามารถติดต่อถึงกันได้อย่างรวดเร็ว
            3.  มีระบบผู้เชี่ยวชาญต่างๆในฐานข้อมูลความรู้  เกิดการพัฒนาคุณภาพชีวิตในด้านที่เกี่ยวกับสุขภาพและการแพทย์
            4.  เทคโนโลยีสารสนเทศสร้างโอกาสให้คนพิการ  หรือผู้ด้อยโอกาสจากการพิการทางร่างกาย  เกิดการสร้างผลิตภัณฑ์ช่วยเหลือคนพิการให้สามารถพัฒนาทักษะและความรู้ได้
            5.  พัฒนาคุณภาพการศึกษาโดยเกิดการศึกษาในรูปแบบใหม่  กระตุ้นความสนใจแก่ผู้เรียนโดยใช้คอมพิวเตอร์เป็นสื่อในการสอน
            6.  การทำงานเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น  กล่าวคือ  ช่วยลดเวลาในการทำงานให้น้อยลงแต่ได้ผลผลิตมากขึ้น  เช่น การใช้โปรแกรมประมวลผลคำ  เพื่อช่วยในการพิมพ์เอกสาร
            7.  ผู้บริโภคได้รับประโยชน์จากการบริโภคสินค้าที่หลากหลาย  และมีคุณภาพดีขึ้น  ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทำให้รูปแบบของผลิตภัณฑ์มีความแปลกใหม่และหลากหลายมากขึ้น
           

            ผลกระทบทางลบคือ
            1.  ก่อให้เกิดความเครียดขึ้นในสังคม  เนื่องจากมนุษย์ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลงเคยทำอะไรอยู่ก็มักชอบทำอย่างนั้น  แต่เทคโนโลยีสารสนเทศเข้าไปเปลี่ยนแปลงโครงสร้างองค์การ  บุคคล  วิถีการดำเนินชีวิต  และการทำงาน  ผู้ที่รับต่อการเปลี่ยนแปลงไม่ได้จึงเกิดความวิตกกังวลขึ้นจนกลายเป็นความเครียด
            2.  ก่อให้เกิดการรับวัฒนธรรมหรือแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมของคนในสังคมโลก  การแพร่จากวัฒนธรรมของสังคมหนึ่งไปสู่สังคมอีกสังคมหนึ่ง  เป็นการสร้างค่านิยมใหม่ให้กับสังคมที่รับวัฒนธรรมนั้น
            3.  ก่อให้เกิดผลด้านศีลธรรม  เนื่องจากแต่ละประเทศจะมีความแตกต่างกันทั้งในด้านจารีตประเพณีและศีลธรรม  แต่การติดต่อสื่อสารที่รวดเร็วเมื่อมีการแพร่ภาพหรือข้อมูลข่าวสารที่ไม่ดีไปยังประเทศต่างๆ  จะมีผลกระทบต่อความรู้สึกของคนในประเทศนั้นๆ
            4.  การมีส่วนร่วมของคนในสังคมลดน้อยลง  กิจกรรมทางสังคมที่มีการพบปะสังสรรค์กันมีน้อยลง  สังคมเริ่มห่างเหินกันเนื่องจากการใช้เทคโนโลยีสื่อสารทางไกลทำให้ทำงานอยู่ที่บ้านหรือเกิดการศึกษาทางไกลโดยไม่ต้องเดินทาง
            5.  เกิดการละเมิดสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล  การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างไม่มีขีดจำกัดย่อมส่งผลต่อการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล
            6.  เกิดช่องว่าทางสังคม  การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศจะเกี่ยวข้องกับการลงทุน  ผู้ใช้จึงเป็นชนชั้นในอีกระดับหนึ่งของสังคม  ในขณะที่ชนชั้นระดับรองลงมามีจำนวนมากกลับไม่มีโอกาสใช้
            7.  เกิดการต่อต้านเทคโนโลยี  เมื่อเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามามีบทบาทต่อการใช้งานมากขึ้นในด้านต่างๆ  เช่นด้านการศึกษา  สาธารณสุข  เศรษฐกิจการค้า  และธุรกิจอุตสาหกรรม  รวมถึงกิจกรรมการดำเนินชีวิตด้านต่างๆ
            8.  อาชญากรรมบนเครือข่าย  ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีก่อให้เกิดปัญหาใหม่ๆขึ้น  เช่นปัญหาอาชญากรรม  ตัวอย่างเช่น  อาชญากรรมในรูปแบบของการขโมยความลับ  การขโมยข้อมูลสารสนเทศ  เป็นต้น
            9.  ก่อให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพ  การจ้องมองคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ  มีผลเสียต่อสายตาซึ่งทำให้สายตาผิดปกติ  มีอาการแสบตา  เวียนศีรษะ  นอกจากนั้นยังมีผลต่อสุขภาพจิต  เกิดโรคทางจิตประสาท  เช่น โรคคลั่งอินเทอร์เน็ต  เป็นต้น

วันศุกร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2556

แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 14 แนวโน้มของเทคโนโลยีสารสนเทศ



1.  จงยกตัวอย่างการปรับตัวขององค์การในยุคสารสนเทศ
             ตอบ      - องค์การขนาดใหญ่ปรับตัวเป็นกลุ่มองค์การขนาดย่อมเพื่อความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน การประสานงาน การแข่งขัน และรองรับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
                          - มีการสนับสนุนการ ปฏิบัติงานร่วมกันเป็นกลุ่มโดยที่ผู้จัดการหรือหัวหน้างานจะเปลี่ยนหน้าที่จากผู้สั่งการมาเป็นผู้ฝึก สอน ผู้ประสานงาน และอำนวยความสะดวกในการทำงาน
                          - ระบบการเข้าทำงานแบบ ยืดหยุ่นจะถูกนำมาใช้ แรงงานบางส่วนจะสามารถทำงานอยู่ที่บ้านขณะที่หลายฝ่ายสามารถเลือกเวลาเข้าทำงานและเลือกงานที่เหมาะสมได้เอง

2.  เทคโนโลยีสารสนเทศมีผลกระทบต่อการปรับโครงสร้างหรือการรื้อปรับระบบขององค์การอย่างไร
               ตอบ     IT ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างองค์กร ผู้ที่มีอำนาจตลอดจนรายละเอียดของงานเมื่อเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในการดำเนินงานและธุรกิจขององค์กรหลาย ๆองค์กรมีการปรับโครงสร้างเพื่อลดระดับชั้นขององค์กรลง เพื่อให้การตัดสินใจและการบริหารงานมีความรวดเร็วขึ้น โดยภาพรวมแล้ว IT ส่งผลกระทบต่อองค์กรในเรื่องต่อไปนี้

3.  ผู้บริหารสมควรจะเตรียมความพร้อมในการนำองค์การเข้าสู่ยุคสารสนเทศอย่างไร
               ตอบ   1.  ติดตามการเปลี่ยนแปลงทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นตลอดจนทำความเข้าใจบทบาท
                         2.  พิจารณาถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นและกำลังเกิดขึ้นในแต่ละหน่วยงานโดยเฉพาะความต้องการทางด้านข้อมูลข่าวสาร เพื่อหาแนวโน้มความต้องการจัดทำแผนและแนวทางการพัฒนาเทคโนโลยีขององค์การ
                       3.  เตรียมความพร้อมด้านบุคลากรและงบประมาณ เพื่อรองรับต่อการนำเทคโนโลยีมาใช้เนื่องจากการจัดการเทคโนโลยีไม่สามารถใช้เงินซื้อหามาเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีความเข้าใจในศักยภาพและความพร้อมของบุคลากรประกอบด้วย

4.  เทคโนโลยีที่มีผลต้องการดำเนินงานขององค์การมีอะไรบ้าง
               ตอบ     1. ประโยชน์โดยตรงปกติองค์การเริ่มนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้
                           2.  ความยืดหยุ่นเทคโนโลยีสารสนเทศช่วยสร้างความยืดหยุ่นในการดำเนินงานให้แก่องค์การ ส่งผลให้องค์การสามารถพัฒนาและปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมของสถานการณ์
                           3. ความสามารถในการแข่งขันนอกจากการใช้งานตามประโยชน์โดยตรงแล้วเทคโนโลยีสารสนเทศถูกนำมาประยุกต์ เพื่อให้องค์การสามารถสนองความต้องการของลูกค้า และพัฒนาการดำเนินงาน ทั้งภายในและภายนอกองค์การได้เร็วกว่าคู่แข่งซึ่งจะช่วยเสริมสร้างและธำรงรักษาความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจอย่างต่อ เนื่อง
                            4. รายได้เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยเพิ่มรายได้แก่องค์การทั้งโดยตรงและทางอ้อม เช่น การรวบรวมและให้บริการและให้บริการด้านสารสนเทศที่เป็นประโยชน์แก่องค์การอื่น
                           5. ค่า ใช้จ่ายประโยชน์ประการสำคัญของการประยุกต์เทคโนโลยีสารสนเทศในการดำเนินงานปัจจุบัน คือ การลดค่าใช้จ่าย และการเพิ่มประสิทธิภาพของการดำเนินงานภายในองค์การเช่น การประเมิน ผลข้อมูล การตรวจสอบ และการควบคุม ค่าแรงงาน เป็นต้น
                          6.  คุณภาพเทคโนโลยีสารสนเทศถูกนำมาประยุกต์ในการพัฒนาคุณภาพของผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่อให้ระบบผลิต
                          7. โอกาสปัจจุบันความได้เปรียบด้านสารสนเทศได้สร้างความแตกต่างระหว่าง องค์การองค์การ ที่มีศักยภาพด้าน สารสนเทศ สูงย่อมสามารถนำความรู้มาประยุกต์ในการสร้างโอกาสในการดำเนินงานทั้งทาง ตรง เช่น การนำสารสนเทศมา ประยุกต์เชิงกลยุทธ์ และทางอ้อม เช่นการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศประกอบการพัฒนานวัตกรรมทางธุรกิจ

5.  เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลมีผลต่อการดำเนินงานขององค์การอย่างไร
              ตอบ     1. การปรับปรุงรูปแบบการทำงานขององค์การเทคโนโลยีหลายอย่างได้ถูกนำเข้ามาใช้ ภายในองค์การ และส่งผลให้กระบวนการในการทำงานได้เปลี่ยนรูปแบบไป
                         2. การสนับสนุนการดำเนินงานเชิงกลยุทธ์โดยเทคโนโลยีสารสนเทศผลิตสารสนเทศที่สำคัญให้แก่ผู้บริหารที่จะใช้เป็นแนวทางในการตัดสินใจและการสร้างความได้เปรียบเหนือกว่าคู่แข่งขัน
                         3. เครื่องมือในการทำงานเทคโนโลยีถูกนำเข้ามาใช้ภายในองค์การเพื่อให้การทำงานคล่องตัวและมีประสิทธิภาพ เรา จะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีสารสนเทศสามารถที่จะนำมาประยุกต์ในหลาย ๆ ด้าน โดยเทคโนโลยีจะช่วยเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงคุณภาพของการทำงานให้ดีขึ้น
                         4. การเพิ่มผลผลิตของงานโดยเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ปัจจุบันคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหรือ PC ถูก พัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตลอดจนการใช้งานสะดวกและไม่ซับซ้อนเหมือนอย่างคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ นอกจากนี้ในท้องตลาดยังมีชุดคำสั่งประยุกต์ (Application Softwareอีกมากมายที่สามารถใช้งานกับเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และผลผลิตของงานได้อย่างมาก
                        5. เทคโนโลยีในการติดต่อสื่อสารในช่วงแรกของการนำคอมพิวเตอร์มาใช้งานทางธุรกิจคอมพิวเตอร์จะถูกใช้เป็นเพียงอุปกรณ์หลักที่ช่วยในการเก็บและคำนวณข้อมูลต่าง ๆ เท่านั้น ปัจจุบันคอมพิวเตอร์ได้ถูกพัฒนาให้มีศักยภาพจากทั้งภายในองค์การหรือภายนอก องค์การ โดยไม่จำกัดขอบเขตว่าผู้ใช้จะอยู่ห่างไกลกันเท่าใด ปัจจุบันผู้ใช้สามารถติดต่อเพื่อที่จะแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารซึ่งกันและกันได้จากทุกหนทุกแห่งทั่วโลก

6.  เทคโนโลยี RISC มีผลต่อพัฒนาการของคอมพิวเตอร์ในอนาคตอย่างไร
                 ตอบ   ปัจจุบันคอมพิวเตอร์ได้พัฒนาไปจากยุคแรกที่เครื่องมีขนาดใหญ่ทำงานได้ช้าความสามารถต่ำ และใช้พลังงานสูง เป็นการใช้เทคโนโลยีวงจรรวมขนาดใหญ่ (Very Large Scale Integrated Circuit, VLSI) ในการผลิตไมโครโปรเซสเซอร์ (Microprocessor) ทำ ให้ประสิทธิภาพของส่วนประมวลผลของเครื่องพัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ยังได้มีการพัฒนาหน่วยความจำให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นแต่มีราคาถูก ลง ซึ่งช่วยเพิ่มศักยภาพในการทำงานของคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลในปัจจุบันโดยที่คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลในขณะนี้มีความสามารถเท่าเทียมหรือมากกว่ากับ เครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ในสมัยก่อน ตลอดจนการนำคอมพิวเตอร์ชนิดลดชุดคำสั่ง (Reduced Instruction Set Computer) หรือ RISC มาใช้ในการออกแบบหน่วยประเมินผล ทำ ให้เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้เร็วขึ้นโดยใช้คำสั่งพื้นฐานง่าย ๆ นอกจากนี้พัฒนาการและการประยุกต์ความรู้ในสาขาวิชาต่าง ๆ ทั้งสาขาวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศที่ส่งผลให้เครื่องคอมพิวเตอร์มีการประมวลผลตามหลัก เหตุผลของมนุษย์หรือระบบปัญญาประดิษฐ์

7.  จงอธิบายความหมายและประโยชน์ในการใช้งานของระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์
                 ตอบ    ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ หรือ Geographic Information System : GIS คือ กระบวนการทำงานเกี่ยวกับข้อมูลในเชิงพื้นที่ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ที่ใช้กำหนดข้อมูลและสารสนเทศ ที่มีความสัมพันธ์กับตำแหน่งในเชิงพื้นที่ เช่น ที่อยู่ บ้านเลขที่ สัมพันธ์กับตำแหน่งในแผนที่ ตำแหน่ง เส้นรุ้ง เส้นแวง ข้อมูลและแผนที่ใน GIS เป็นระบบข้อมูลสารสนเทศที่อยู่ในรูปของตารางข้อมูล และฐานข้อมูลที่มีส่วนสัมพันธ์กับข้อมูลเชิงพื้นที่ (Spatial Data) ซึ่งรูปแบบและความสัมพันธ์ของข้อมูลเชิงพื้นที่ทั้งหลาย จะสามารถนำมาวิเคราะห์ด้วย GIS และทำให้สื่อความหมายในเรื่องการเปลี่ยนแปลงที่สัมพันธ์กับเวลาได้ประโยชน์ของระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์เป็นเครื่องมือทางภูมิศาสตร์ที่มีประโยชน์อย่างยิ่ง ต่อการจัดเก็บระบบข้อมูลซึ่งมีอยู่มากมายในปัจจุบัน ได้มีการพัฒนาทั้งด้านฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ ทำให้ในปัจจุบันได้มีการนำ GIS มาใช้งานกันอย่างแพร่หลาย ทั้งหน่วยงานของภาครัฐและเอกชน 
                1. การอนุรักษ์ และจัดการสิ่งแวดล้อม (Environmental Management, Conservation) การจัดการทางพืชและสัตว์ในดิน (Flora and Fauna) สัตว์ป่า (Wild Life) อุทยานแห่งชาติ (National Park) การควบคุมและติดตามมลภาวะ (Pollution Control and Monitoring) และแบบจำลองด้านนิเวศวิทยา (Ecological Modeling)
              2. การจัดการด้านทรัพยากร/การเกษตร (Resources Management / Agriculture) การจัดการระบบชลประทาน การพัฒนาและจัดการที่ดินเพื่อการเกษตรการอนุรักษ์ดินและน้ำการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ ป่าไม้ และการทำไม้ ฯ
             3. การวางแผนด้านสาธารณะภัย (Disaster Planning) การบรรเทาสาธารณะภัย การติดตามการปนเปื้อนของสารพิษ และแบบจำลองผลกระทบอุทกภัย (Modeling Flood Impacts)
            4. ด้านผังเมือง (Urban GIS) การวางแผนผังเมือง การวิเคราะห์ด้านอาชญากรรมที่ดินและภาษีที่ดินระบบการระบายน้ำเสียโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย

8.  เหตุใดผู้บริหารระดับสูงจึงเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศขององค์การ
                  ตอบ    ผู้บริหารต้องคำนึงถึงความสอดคล้องระหว่างการดำเนินธุรกิจ เทคโนโลยี และการตัดสินใจที่ต้องกระทำอย่างสอดคล้องกัน ปัจจุบันผู้บริหารต้องประยุกต์เทคโนโลยีสารสนเทศและการตัดสินใจทางธุรกิจของ องค์การอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดวิสัยทัศน์และสร้างโอกาสในการประยุกต์ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ องค์การ ผู้บริหารต้องสามารถจัดการกับเทคโนโลยีอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถแบ่งเป็นขั้นตอนดังต่อไปนี้
1. กำหนดกลยุทธ์องค์การที่ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
2. กำหนดแผนงานสารสนเทศระดับองค์การและการดำเนินงาน กำหนดโครงสร้างหน่วยงานสารสนเทศ
3. พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านสารสนเทศขององค์การ (information system infrastructure) เช่น อุปกรณ์ ชุดคำสั่ง ระบบสื่อสารและจัดการข้อมูล ระบบสำนักงานอัตโนมัติ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการกำหนดศักยภาพและความยืดหยุ่นในการปรับตัวของงาน สารสนเทศในองค์การ
4. กำหนดรายละเอียดการดำเนินงานภายในองค์การ พร้อมทั้งพัฒนาทรัพยากรบุคคลให้มีความพร้อมต่อการประยุกต์เทคโนโลยีสารสนเทศ ให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุดแก่องค์การ

9.  ปัจจุบันคนไทยมีความพร้อมในการก้าวสู่สังคมสารสนเทศเพียงไร โดยเฉพาะความรู้และความเข้าใจในศักยภาพของเทคโนโลยีสารสนเทศ
                 ตอบ    สังคมส่วนใหญ่เกือบทุกสังคมในโลก ไม่ว่าจะมีเชื้อชาติ ภาษา วัฒนธรรม และนับถือสังคม เปิดที่ ประชาชนมีความสนใจและมีการบริโภคข่าวสารในอัตราสูง และในปัจจุบันสื่อสารมวลชนก็ยังมีเสรีภาพที่ค่อนข้างจะเต็มเปี่ยม เมื่อเทียบกับอีกหลาย ๆ ประเทศในภูมิภาคใกล้เคียงกับไทย ที่จัดว่าเป็นประเทศประชาธิปไตย แต่สังคมเปิดของไทยจะยังสมบูรณ์เต็มที่ไม่ได้ หากกลไกของรัฐ ยังไม่สามารถจะขจัดอุปสรรคที่ยังมีเหลืออยู่ให้หมดสิ้นไป เพื่อให้มีการเผยแพร่ข้อมูลทั่วไปของราชการแก่สาธารณชนได้อย่างเปิดเผยและ เสรีเต็มที่กว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนั้น ความรู้ ซึ่งหมายถึง สารสนเทศผนวกกับทักษะประสบการณ์ของบุคลากร ความรู้จะเป็นตัวสร้างมูลค่าเพิ่มขององค์การ ที่พร้อมจะถูกนำไปใช้ประโยชน์ในองค์การ ในการบริหารความสำเร็จจำเป็นต้องขยายผลจากการทำให้วิสัยทัศน์มีความชัดเจน ขึ้น ซึ่งจะเพิ่มความกระตือรือร้นขององค์กรในการ เรียนรู้ สร้างองค์ความรู้ และเพิ่มพูนสมรรถนะที่จะก่อเกิดความก้าวหน้าในการดำเนินกิจการไปสู่เป้าหมาย ร่วมกันขององค์การ ประสิทธิภาพ ประสิทธิ ผลขององค์การ ขึ้นกับความสามารถของบุคลากรในองค์การ ในการเรียนรู้ถึงสถานการณ์ แนวคิด เทคนิคการดำเนินงาน นวัตกรรม และเทคโนโลยีต่าง ๆ และการเรียนรู้จากประสบการณ์ ซึ่งกันและกัน ภายในองค์การ เราต้องสร้างตัวเร่งในขับเคลื่อนให้สามารถปรับปรุงเปลี่ยนแปลงองค์การให้ เจริญก้าวหน้าต่อไปได้อย่างยั่งยืนและมีภูมิคุ้มกัน เอื้ออำนวย ดังนั้นความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนองค์การให้ก้าวไปข้างหน้า สำหรับการสร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้จึงขึ้นอยู่กับเราท่านลูกพ่อขุนทุกคน

10.  จงยกตัวอย่างปัญหาด้านจริยธรรมหรือความรับผิดชอบต่อสังคมที่มีความสัมพันธ์กับการจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศ
               ตอบ    1. ความเป็นส่วนตัว (Privacy) เป็นความเกี่ยวข้องกับการรวบรวมและใช้ข้อมูลสำหรับส่วนบุคคล และ เก็บไว้ในระบบคอมพิวเตอร์
                           2. ความถูกต้อง (Accuracy) การทำงานในองค์กรนั้นขึ้นอยู่กับข้อมูลข่าวสารเป็นสำคัญ การเก็บฐานข้อมูลไว้ในรูปข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้นอาจมีข้อผิดพลาดได้ อาจจะเก็บรวบรวมข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง หรือมีการแอบเข้ามาแก้ไขข้อมูลที่ถูกต้องก็ได้
                            3. ความเป็นเจ้าของ (Property) เนื่องจากในปัจจุบันข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์สามารถแพร่กระจายไปได้ในรูปของสื่อสารแบบ ต่าง ๆ สิทธิ์ในการเป็นเจ้าของข้อมูลและโปรแกรมอย่างถูกต้องนั้นยังเป็นคำถามที่ยา ต่อการตอบในเชิงจริยธรรมเป็นอย่างยิ่ง กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาได้มีผลคุ้มครองต่อความถูกต้องของวิชาชีพและนัก เขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์
                           4. การเข้าถึงข้อมูล (Access) ธรรมชาติของผู้ใช้ในการเข้าถึงข้อมูลหรือใช้ข้อมูลนั้นจะพิจารณาถึงความสามารถที่ใช้ คือเอาข้อมูลจากฐานข้อมูลขององค์กรมาใช้ได้อย่างเหมาะสมซึ่งข้อมูลจะถูกจัด ลำดับความสำคัญไว้ในระดับที่แตกต่างกันไปข้อมูล